วันพฤหัสบดีที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2555

วัดพระสิงห์วรวิหาร



วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร เป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดวรมหาวิหาร ตั้งอยู่ในบริเวณคู่เมืองเชียงใหม่ ถนนสามล้าน ตำบลพระสิงห์ อ.เมือง จ.เชียงใหม่


สาเหตุที่วัดี้ มีชื่อว่า “วัดพระสิงห์” นน่าจะเป็นเพราะ ครั้งหนึ่งเคยเป็นที่ประดิษฐาน พระพุทธรูป สำคัญคู่บ้านคู่เมืองของประเทศไทย คือ พระพุทธสิหิงค์ หรือที่เรียกกันว่า “พระสิงห์”


“พระสิงห์” ปัจจุบันวัดพระสิงห์เป็นที่ประดิษฐาน ของ พระพุทธสิหิงค์(หรือพระสิงห์)จำลองศิลปะเชียงแสน ปางมารวิชัย ชนิดสำริดปิดทอง หน้าตักกว้าง ๓๗ เซนติเมตร สูงทั้งฐาน ๖๖ เซนติเมตร



วิหารลายคำ เป็นวิหารพื้นเมืองศิลปะล้านนาขนาดเล็ก ภายในเป็นที่ประดิษฐาน"พระพุทธสิหิงค์" ขนาดหน้าตักกว้าง ๓๑ นิ้ว สูงจากขอบฐานถึงยอดพระเมาลีบัวตูม ๕๑ นิ้ว เป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่เมืองเชียงใหม่และแผ่นดินล้านนา พระพุทธรูปเป็นศิลปะเชียงแสนรู้จักกันในชื่อ "เชียงแสนสิงห์หนึ่ง" และมีภาพจิตรกรรมที่สวยงาม




พระอุโบสถเป็นสถาปัตยกรรมแบบล้านนาไทยสมัยเชียงแสน โครงสร้างทำด้วยไม้เนื้อแข็ง สันนิษฐานกันว่าสร้างขึ้นเมื่อราวจุลศักราช ๑๒๕๑ - ๑๒๕๒ (พ.ศ.๒๔๓๒ - ๒๔๓๓) ต่อมามีการบูรณปฏิสังขรณ์อีกสองครั้งคือ พ.ศ. ๒๕๐๔ โดยพระครูสิกขาลังการ และ พ.ศ.๒๕๓๓ โดยพระเดชพระคุณ พระราชสิทธินายก  เจ้าอาวาสวัดพระสิงห์ 



เจดีย์ประธานนี้ ยังเป็นพระเจดีย์ประจำปีเกิด ของผู้เกิดปีมะโรง (งูใหญ่) อีกด้วย 





หอไตรหลังนี้สร้างขึ้นในสมัยพระเมืองแก้ว 
ลักษณะเป็นอาคารทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า ๒ ชั้น ชั้นล่างก่ออิฐถือปูน ชั้นบนเป็นไม้ มุงหลังคากระเบื้องดินเผา
หันหน้าไปทางตะวันออก  บันไดทางขึ้นด้านหน้าเป็นรูปมกรคาบสิงห์บนแท่นข้างละ ๑ ตัว ซุ้มประตูทางเข้าในส่วนหน้าบันเป็นบุษบกซ้อนกัน ๕ ชั้น แกะสลักลวดลายปูนปั้นพรรณพฤกษา พญานาค และประดับกระจกสี โดยรอบผนังด้านนอกอาคารชั้นล่างประดับด้วยลายปูนปั้น รูปเทวดา และเทพพนม  จำนวน ๑๖ องค์ สัตว์หิมพานต์ อาทิ สิงห์ ช้าง กิเลน ปลา กวาง นกยูง คชสีห์ เหมราช และนรสิงห์ เป็นต้น ชั้นบนเป็นเครื่องไม้ทาสีแดงมีปูนปั้น


ลายปูนปั้น รูปเทวดา และเทพพนม  





     ทุกปีเมื่อถึงช่วงเทศกาลวันสงการนต์ทางราชกาลจึงได้อัญเชิญพระพุทธสิหิงค์ขึ้นประดิษฐานบนรถบุษบกแห่ไปรอบเองเพื่อให้ประชาชนได้พากันมาสรงน้ำ เนื่องในเทศกาลปีใหม่ ตามคติล้านนา คนเกิดปีมะโรงต้องมาไหว้พระสิงห์ให้ได้สักครั้งในชีวิต






ขอขอบคุณภาพสวยๆจาก http://www.paiduaykan.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น